
นกพิราบกับภัยที่มองไม่เห็น
เชื่อว่าหลายคนกำลังประสบปัญหานกพิราบที่มักมาก่อปัญหา ไม่ว่าจะส่งเสียงดัง หรือถ่ายมูลบริเวณระเบียงคอนโดซึ่งนอกจากจะสร้างความสกปรก ส่งกลิ่นเหม็น และความรำคาญใจแก่เจ้าของห้อง ซึ่งปัญหานอกจากเรื่องความสะอาดแลัว ยังมีปัญหาที่น่ากลัวอีกอย่างนั่นก็คือ “เชื้อโรค” นกพิราบยังนำพาเชื้อโรคต่าง ๆ มาด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันครับว่า เจ้านกที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยนี้มีอะไรติดตัวกันมาบ้าง

โรคที่มากับนกพิราบ
โรคคริปโตคอกโคสิส (Cryptococcosis)
โรคคริปโตคอกโคสิส (Cryptococcosis) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อรา Cryptococcus neoformans หรือ Cryptococcus gattii ที่พบได้โดยทั่วไปในดินและนกชนิดต่างๆ โดยเชื้อราจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการหายใจ โดยส่วนใหญ่เป็นโรคที่พบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่นผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยรับการฉายกล้ามเนื้อหัวใจ หรือผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดสมอง โรคนี้สามารถเกิดได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่ส่วนใหญ่พบในผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่มีสภาพสุขภาพที่ไม่ดี
อาการของโรคคริปโตคอกโคสิสมักจะเริ่มต้นด้วยอาการเหนื่อยล้า ไข้ คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดศีรษะ ในระยะแรก แล้วเมื่อเชื้อรากระจายไปยังสมอง อาจทำให้เกิดอาการสับสน สังคมศึกษา หรือเห็นภาพลักษณ์ผิดปกติ อาการดังกล่าวมีความหลากหลายและมักเป็นอาการไม่เป็นเชิงรุนแรง แต่ในบางกรณีอาจเกิดแผลเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดอาการชักกระตุก อัมพาต หรือการทำงานของสมองลดลงได้
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Encephalitis)
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Encephalitis) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เข้าทำลายเซลล์ในสมอง โดยส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อไวรัส อาการของโรคจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสและความรุนแรงของการติดเชื้อ อาการที่พบบ่อยสุดคือ ไข้สูง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการสับสนหรือผิดปกติในการทำงานของสมอง
การรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของการติดเชื้อและความรุนแรงของอาการ โดยการรักษาทั่วไปจะเน้นไปที่การบรรเทาอาการและรักษาอาการแทนการรักษาตัวเชื้อโดยตรง การใช้ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir หรือ Valacyclovir สามารถช่วยลดอาการและยุบตัวไวรัสได้ ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก อาจต้องให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและรับการสนับสนุนการทำงานของร่างกาย อาทิเช่นการเตียงพัก การส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือการให้น้ำเกลือผสมน้ำตาลเพื่อเพิ่มความชื้นในร่างกายของผู้ป่วย
โรคปอดอักเสบ (Pneumonia)
โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) เป็นโรคทางเดินหายใจที่มีการติดเชื้อของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือจุลินทรีย์อื่นๆ ในปอด โดยอาการของโรคปอดอักเสบจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุของโรค แต่อาการที่พบบ่อย ๆ ได้แก่ ไข้ น้ำหนักลด หอบเหนื่อย ไอ และอาจมีเสมหะ และอาจมีอาการเจ็บหน้าอกเมื่อหายใจหรือไอ
การรักษาโรคปอดอักเสบจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นวิธีการรักษาที่สำคัญ โดยบางกรณีอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาต้านอักเสบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา การพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำเพียงพอ และการดูแลสุขภาพอย่างรอบคอบ เช่น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การกินอาหารที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เป็นต้น ยังมีวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบที่สามารถใช้ป้องกันโรคได้บ้าง โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ เช่นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
สรุปโรคและลักษณะ
โรค | ลักษณะของโรค |
โรคปอดบวม | อวัยวะภายในต่าง ๆ จะอักเสบ โดยเฉพาะปอด ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลามัยเดีย ที่เจริญเติบโตและอาศัยอยู่ในมูลนกพิราบ |
โรคไข้หวัดนก | โรคที่ติดต่อระหว่างนกด้วยกัน ยิ่งถ้าอยู่รวมกันเป็นฝูง ยิ่งทำให้นกมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อร่วมกันมากขึ้น ส่งผลให้นกพิราบเป็นพาหะนำโรค เพียงแค่กระพือปีก ก็มีโอกาสแพร่เชื้อโรคมาสู่คนได้ |
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ | เกิดจากการสูดดมหรือสัมผัสเชื้อโรคที่มีชื่อว่า คริปโตคอคคัส นีโอฟอร์มาน เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตได้ง่ายและพบในมูลนกพิราบ ทำให้เยื้อหุ้มสมองอักเสบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยพบสูงถึงร้อยละ 9.09 |

สังเกตอาการเสี่ยงติดเชื้อ
เมื่อสูดดมเชื่อเข้าไปในร่างกายจะทำให้ติดเชื้อที่ปอด ทั้งยังสามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น สมอง ได้อีกด้วย ซึ่งจะมีอาการไข้ ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก มีปัญหาทางการมองเห็น มึนงง หากมีการติดเชื้อที่สมองจะมีอาการสับสน และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป และอาจไม่ใช่เฉพาะมีอาการปอดอักเสบ แต่เชื้ออาจลามไปทำลายสมองของเราได้อีกด้วย
วิธีป้องกันตนเองจากความเสี่ยงติดเชื้อราจากมูลนกพิราบ
กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากกว่าคนปกติ ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น คนที่ได้รับยากดภูมิ หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอมาแต่กำเนิด สำหรับคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน โดยควรป้องกันตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อราจากมูลนกพิราบ โดยมีวิธีป้องกันดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสนก การเข้าไปอยู่ในฝูงนกพิราบ หากต้องเข้าใกล้ ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรค
- คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่ควรเข้าไปใกล้นกพิราบ เพราะอาจได้รับเชื้อในมูลเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ไล่นกพิราบไปไกลๆ ไม่ให้มาอาศัยอยู่ภายในบริเวณที่อยู่อาศัย
- ทำความสะอาดบริเวณที่พบนกเคยอยู่อาศัย และล้างมือหลังจากทำความสะอาดทุกครั้ง
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันเชื้อโรคได้
- ไม่ให้อาหารนกพิราบ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

เนื่องจากนกพิราบเป็นพาหะนำโรคได้ เราจึงควรหาทางป้องกันนกนกพิราบให้เข้ามาทำรังหรือมาขับถ่ายแต่โดยทั่วไป ถ้าไม่ได้ต้องใช้ระเบียงแล้ว เราแนะนำว่าซื้อห้องที่ไม่มีระเบียงก็ตัดปัญหาได้เยอะทีเดียว และถ้าซื้อ ฟินน์คอนโด วันนี้ เราก็มีเครื่องซักผ้าและและอบผ้าแถมกันไปเลย ก็ไม่ต้องไปตากผ้าที่ระเบียงแล้วแล้วครับ
ที่มา : กรมควบคุมโรค และ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล