01
Dec
เปิดแอร์ยังไง ให้ประหยัดค่าไฟ เมื่ออยู่คอนโด
ปัจจุบันคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยที่นิยมสำหรับหลายท่านเลยก็ว่าได้ เนื่องจากที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมตอบโจทย์สำหรับผู้อยู่อาศัยหลายแบบ ทั้งความสะดวกสบายของการเดินทาง การอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ที่ไม่น่าเบื่อ เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างครบครัน ด้วยความที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชนไม่ว่าจะกิน ช้อป เที่ยว สังสรรค์ ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกโดยที่ไม่ต้องไปที่ไหนไกล แต่การอยู่คอนโดมิเนียมนั้น ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร ไม่ว่าจะค่าส่วนกลาง ค่าจิปาถะต่าง ๆ และค่าน้ำค่าไฟ วันนี้ ฟินน์คอนโด จึงได้นำเคล็ดไม่ลับในการในการประหยัดค่าไฟเมื่ออยู่คอนโด มาฝากกันครับ
BTU กับขนาดห้อง
การเลือกใช้ BTU ของแอร์ให้เหมาะกับห้องนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก ยกตัวอย่าง ถ้าห้องเล็ก แต่ใช้ BTU สูงก็จะทำให้เปลืองไฟโดยใช่เหตุถึงแม้จะเย็นไวก็ตาม และราคาก็สูงด้วย กลับกัน ถ้าหากห้องกว้าง แต่ใช้ BTU ต่ำเกินไป ก็ทำให้อากาศเย็นไม่พอ เปิดยังไงก็ไม่เย็นก็ทำให้เสียค่าไฟไปเปล่า ๆ ซึ่งการคำนวณค่า BTU ที่ดี ทำได้ไม่ยากเลย กับสูตร “กว้าง (เมตร) x ยาว (เมตร) x ค่าตัวแปร” ซึ่งถ้าหากเรามีคนในครอบครัวมากกว่า 3 คน มีคอมพิวเตอร์ หรือเพดานสูงที่เกิน 2.5 เมตร ก็จะต้องเพิ่มค่า BTU ขึ้นอีก 5%
โดยค่าตัวแปรมีดังนี้
700 – 800 : สำหรับห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางคืน ( ห้องนอน หรือห้องที่โดนแดดน้อย เพดานต่ำ)
800 – 900 : สำหรับห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางวันหรือห้องทางทิศตะวันตก ( ห้องรับแขก หรือห้องที่ร้อนมาก – ปานกลาง)
900 – 1,000 : สำหรับห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางวัน อยู่ชั้นบน หรือห้องทางทิศตะวันตก ( ห้องทำงาน ยิม หรือห้องที่ร้อนมากๆ)
1,000 – 1,200 : สำหรับห้องที่ใช้แอร์หนัก มีคนจำนวนมาก และเปิดปิดประตูบ่อยๆ ( ร้านอาหาร หรือสำนักงาน )
ไล่ลมร้อนออกจากห้อง
ทิศทางลมสามารถช่วยลดความร้อนภายในห้องได้เป็นอย่างดี การเปิดหน้าต่างในห้องเพื่อไล่ลมร้อนออกก่อนเปิดแอร์ ถือเป็นวิธีเปิดแอร์แบบประหยัดที่ได้ผลดี จะทำให้แอร์เย็นเร็ว และยังทำให้แอร์ไม่ทำงานหนักจนเกินไปด้วยและถ้าช่วงไหนอากาศดี เราอาจแง้มหน้าต่างไว้เพื่อให้อากาศไหลผ่านในช่วงที่เราไม่อยู่ได้
ลดเฟอร์นิเจอร์ที่สะสมความร้อน
ยิ่งเฟอร์นิเจอร์ในห้องเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะสมความร้อนมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นโลหะ แก้ว หรือวัสดุบางชนิดที่กักความร้อนได้ดี ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นเนื่องจากไอร้อนจากสิ่งของภายในห้องนั่นเอง ดังนั้นการลดเฟอร์นิเจอร์ในห้องลง หรือจะย้ายไปเก็บไว้ในห้องเก็บของก็ใช้ได้เช่นกัน
ผ้าม่านช่วยได้
เรื่องทิศทางแดดก็สำคัญไม่แพ้กัน กับคอนโดที่ยิ่งสูงยิ่งโดนแดดเผาเพราะไม่มีอะไรบังแดด หน้าต่างรอบด้านสวย ๆ ที่ทำให้ห้องของเราเหมือนเตาอบ การปิดผ้าม่านก่อนเปิดแอร์ซึ่งช่วยลดความร้อนจากแดดได้ หรือจะหันมาใช้ผ้าม่านกัน UV ก็ได้เช่นกัน หากทำได้ การติดฟิล์มสะท้อนความร้อนที่กระจกย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว
เปิดแอร์คู่กับพัดลม
การที่เราจะรู้สึกเย็นนั้นนอกจากความชื้นและอุณหภูมิแล้ว ความเร็วลมยังเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากต้องการวิธีเปิดแอร์แบบประหยัดค่าไฟ แนะนำ คือ เราสามารถเปิดแอร์ที่ 27 องศา เพื่อปรับอุณหภูมิห้องให้เย็น ไปพร้อมๆ กับเปิดพัดลมเพื่อเพิ่มความเร็วลม จะทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก แถมยังได้ไอเย็นจากพัดลมซึ่งกินไฟน้อยกว่าแอร์มาก แอร์บางตัวจะมีโหมด “Feel, iFeel” ซึ่งจะเป็นการผสานระหว่างความเร็วลมและอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้เรารู้สึกเย็นโดยที่แอร์ไม่ได้ลดอุณหภูมิลงมากนัก
ลดการเปิดไฟ
แหล่งกำเนิดแสงทุกอย่างมักจะมีความร้อนมาด้วยเสมอ วิธีเปิดแอร์แบบประหยัดอีกหนึ่งวิธีคือพยายามลดการใช้ไฟภายในห้องนั้นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อประหยัดไฟและให้แอร์ทำงานน้อยลง อย่างเช่นก่อนนอน เราก็เร่งแอร์ให้แรงที่สุด ทิ้งไว้ในห้องมืด ๆ แล้วค่อยผ่อนลง จะทำให้ว่าแอร์เย็นเร็วขึ้น รวมไปถึงเปลี่ยนการใช้งานเป็นหลอดแบบ LED ซึ่งแผ่ความร้อนออกมาน้อยกว่า แถมประหยัดไฟด้วย
ตั้งค่าปิดตอนกลางคืน
เป็นอีกวิธีประหยัดไฟฟ้าที่ผู้คนส่วนมากรู้จักกันดีและใช้กันบ่อย บางคนเปิดแอร์ 3 ทุ่ม แล้วตั้งเวลาปิดตอนตี 2 จากนั้นก็เปิดพัดลมแทน ก็ยังคงรู้สึกเย็นไปถึงเช้าเพราะเวลากลางคืนอุณภูมิภายนอกจะต่ำกว่ากลางวันอยู่แล้ว
ต่อไปเรื่องของค่าไฟ และหน้าร้อน จะกลายเป็นเรื่องเล็ก ๆ เพราะด้วยเคล็ดที่ไม่ลับที่เรานำมานั้นจะช่วยให้เราและทุกคนผ่านพ้นจากปัญหาความร้อนและปัญหาค่าไฟที่สูงขึ้นทุกปี ซึ่งวิธีดังกล่าวสำหรับใครที่อยากจะประหยัดค่าไฟแล้วล่ะก็สามารถนำเคล็ดไม่ลับนี้ไปปรับใช้สำหรับห้องของเราได้เลยครับ
