6 สไตล์แต่งคอนโดให้น่าอยู่
การแต่งห้องคอนโดต้องเตรียมตัวอย่างไรและเตรียมอะไรบ้าง
หากเริ่มมีความคิดและมีแรงบันดาลใจในการแต่งห้องแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมได้เลย เวลาแต่งจริงๆจะได้ทำได้อย่างสบายใจ
1.วางแผนเรื่องการแต่งให้ดี
ดูเป้าหมายของการแต่งคอนโดของเราว่าต้องการตกแต่งมากแค่ไหน หากต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่างอาจต้องหาช่างที่ชำนาญมาช่วยทั้งออกแบบและต่อเติม เพื่อความปลอดภัยและความสวยงามตามที่เราคาดหวังไว้
2.ขออนุญาตกับนิติฯ
การตกแต่งห้องนั้น หากต้องมีการต่อเติมหรือเพิ่ม-ลดส่วนต่างๆ เราต้องถามทางนิติบุคคลก่อนเสมอ หากมีกฎระเบียบห้ามต่างๆ ก็ต้องทำเรื่องยื่นเอกสารต่างๆเพื่อการตกแต่งหรือต่อเติมของเรานั้นเป็นไปได้อย่างราบลื่น ไม่มีปัญหาใดใด
3.บอกเพื่อนข้างห้อง
เมื่อคุยกับนิติและทำเรื่องขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเริ่มตกแต่งห้อง ต้องอย่าลืมแจ้งกับเพื่อนบ้านก่อน เพราะบางอย่างในการตกแต่งหรือต่อเติมห้องอาจมีเสียงดังรบกวนได้ หากไม่ได้แจ้งไว้ก่อนอาจทำให้เกิดความรำคาญและอาจทำให้ผิดใจกับข้างห้องได้
6 สไตล์การแต่งคอนโด
ในช่วงหลายปีมานี้มีสไตล์การแต่งคอนโดเพิ่มขึ้นมากมาย โดยบางรูปแบบก็มีแรงบันดาลใจจากยุคสมัยก่อนหรือบางรูปแบบก็เน้นความสะอาด ดูโล่งตา ซึ่งในบทความนี้เรามี 6 รูปแบบที่เป็นที่นิยมและแต่งตามได้ในสไตล์ของเราเอง
1.Modern
สไตล์แรกนี้เป็นเหมือนสไตล์พื้นฐานของการแต่งบ้านหรือคอนโดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเน้นให้อารมณ์ความหรูหรา สุขุม และทันสมัย ซึ่งบ้านหรือคอนโดสไตล์นี้ส่วนใหญ่มักจะมีขนาดของชั้นที่กว้างขวาง มีกระจกบานใหญ่เป็นหน้าต่างหรือกำแพง เพื่อทำให้บ้านดูโล่ง โปร่ง ไม่อึดอัด
ส่วนห้องคอนโดที่จะออกแบบสไตล์นี้ จะเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปแบบไปในทางเดียวกัน โทนสีก็เช่นกัน ตั้งแต่กำแพง สีเฟอร์นิเจอร์ สีของแสงไฟ ก็จะให้ความทันสมัยที่มีความสะดวกสบายอยู่ด้วย ถ้าใครคิดไม่ออกว่าแต่งห้องสไตล์ไหนดี ห้องสไตล์ Modern นี้เหมาะกับการเริ่มต้นแต่งห้องมากๆ
2.Minimal
น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ถือเป็นคอนเซ็ปต์สำคัญของการแต่งห้องแบบมินิมอล โดยสไตล์นี้จะให้อารมณ์ความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยกิมมิคของความทันสมัย ดังนั้นการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
เฟอร์นิเจอร์ส่วนมาก ภายนอกจะดูเรียบๆ แต่ช่องหรือส่วนของการเก็บของนั้นจะมีหลากหลาย ทำให้เก็บของได้มาก ทำให้ห้องของเราดูโล่ง กว้างและมีพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้น
โทนสีของห้องก็เช่นกัน จะมีความเรียบ สะอาด และคุมโทน ส่วนมากจะใช้เป็นสีเบจ สีขาว สีดำ ไม่ก็สีเทา ดังนั้นใครที่แต่งห้องไม่เก่งก็ลองเลือกสไตล์มินิมอลนี้ไปลองแต่งดูได้ เพียงแค่เลือกสีที่ไในทางเดียวกัน และใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น มีเฉพาะที่จำเป็นและเลือกชิ้นที่สามารถเก็บของได้มาก
3.Retro
ใครที่เบื่อๆไม่อยากได้สไตล์ที่เรียบง่าย ให้ลองดูสไตล์ห้องแบบ Retro นี้เลย เพราะห้องสไตล์นี้จะให้อารมณ์ของยุคเก่าๆ ตั้งแต่ช่วงประมาณยุค 60 ที่จะเน้นความสนุกสนานให้การเลือกสีสันต่างๆมาใช้ ทำให้ห้องสไตล์นี้มีสีสันที่โดดเด่น บางครั้งอาจจะดูฉูดฉาด แต่ก็มีความเข้ากันอยู่
สนุกสนาน มีชีวิตชีวา เป็นหลักในการออกแบบห้องสไตล์ Retro นี้ดังนั้นหากเบื่อสีเบจ ขาว เทา แนวเดิมๆ ก็ลองใช้สไตล์นี้มาเปลี่ยนอารมณ์ของห้องได้ ทำให้เรามีความสดชื่นสดใสเหมือนย้อนวัยเด็กอีกครั้ง เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ก็จะเน้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุค หรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันเข้ากับตัวห้อง
4.Contemporary
สไตล์นี้จะมีความใกล้เคียงกับสไตล์ Modern แต่สิ่งที่แตกต่างและเป็นจุดเด่นของสไตล์นี้คือการเน้นพื้นที่มากกว่าเน้นสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ หรือลวดลายแบบสไตล์ Modern
ความเรียบง่ายยังคงเป็นจุดหลักของการแต่งห้องนี้เช่นเดียวกับสไตล์ Modern แต่พื้นที่ขงการใช้สอยนั้นจะมากกว่า การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ก็จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ได้มีลวดลายมากมาย รูปทรงที่นิยมคือทรงเรขาคณิตต่างๆ สีสันก็จะอยู่ในกลุ่ม ขาว ดำ หรือโทนเรียบๆ
พื้นจะเป็นพื้นเรียบๆ อาจเป็นลายไม้หรือพื้นไวนิล หรืออาจเป็นพรหมสีเบจหรือสีเทาที่ช่วยเพิ่มความสบายเวลาเดิน
5.Traditional
สไตล์แห่งความอบอุ่น สบาย และค่อนไปทางย้อนยุคหน่อยๆ ซึ่งห้องนี้ไม่ว่าใคร จะช่วงอายุไหนก็แล้วแต่เมื่อเข้ามาอยู่ก็จะรู้สึกถึงความสบายทั้งกายและใจ
เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้จะไม่เน้นศิลปะที่เป็นสมัยใหม่ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่มีเป็นเหล็กต่างๆ ซึ่งขอบและมุมของเฟอร์นิเจอร์ส่วนมากจะไม่ความมนไม่เป็นเหลี่ยม สีจะเป็นสีเรียบๆ โดยจะอยู่ตรงกลางระหว่างอ่อนและเข้ม แสงไฟในห้องก็มักจะเป็นแสงที่มีสีอ่อนๆ ไม่เป็นไฟนีออนสีขาวสว่างจ้าแบบทั่วไป
บางครั้งเราอาจะใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้มาตกแต่งในห้องสไตล์นี้ได้ เครื่องครัวก็เป็นเครื่องแก้วต่างๆอาจมีลวดลายจีนผสมอยู่บ้าง เช่นแจกันลายจีน โดยรวมแล้วห้องสไตล์นี้อาจต้องศึกษาให้ละเอียดสักหน่อย เพื่อความเข้ากันของตัวห้อง สีสัน และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งหากคุณทำได้ล่ะก็ ห้องนี้จะเป็นห้องที่น่าอยู่มากทีเดียว
6.Vintage
สไตล์วินเทจเป็นสไตล์ที่อาจถูกใจหลายๆคน ซึ่งสไตล์นี้จะมีความเก่า ย้อนยุค แต่ก็จะมีความขลังและสวยงามในตัว และบางครั้งก็จะมีกลิ่นอายของวัยเด็กที่เราเคยได้อยู่ในบ้านที่มีบรรยากาศเช่นนี้มาก่อน
เฟอร์นิเจอร์ต่างๆจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ในยุคสมัยก่อน แต่ก็ไม่ใช่เก่ากึกจนผุพัง อาจจะประมาณ 30 – 50 ปีที่มีสภาพดี ส่วนการใช้งานนั้นบางคนอาจไม่ได้ให้ความสำคัญนัก เพราะบางชิ้นที่เป็นไฟฟ้า อาจมีการเสื่อมสภาพจนใช้งานไม่ได้ แต่ภายนอกยังดูสวยงาม
ดังนั้นเวลาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ต้องเลือกให้ดี แนะนำว่าเลือกซื้อของโบราณที่มีราคาและมีสภาพสวยงาม จะทำให้ห้องเราดูแพงขึ้นได้อีกด้วย หรือบางครั้งเราอาจใช้ของ Hand-made มาร่วมตกแต่งด้วยก็ได้ แต่อย่าลืมเลือกชิ้นที่มีสไตล์ออกแนววินเทจด้วย จะได้เข้ากับห้องสไตล์วินเทจของเรา
สรุป
ไม่ว่าจะตกแต่งห้องสไตล์ไหนก็ตามแต่ สิ่งที่สำคัญคือการเลือกสี รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ให้ตรงกับความต้องการของเรา บางครั้งอาจไม่ต้องกำหนดเป็นสไตล์ขึ้นมาก็ได้ แต่ให้มีโทนของสี และแนวของรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ เพราะเมื่อเวลาตกแต่งเสร็จแล้ว ห้องก็จะมีความเข้ากันและน่าอยู่มากขึ้น
ที่มา kaidee.com