1. เช็กช่องโหว่บนพื้นและผนัง

หากรู้สึกว่าเสียงข้างห้องดังเข้ามาในห้องเรามากเกินไป เหมือนกับอยู่ภายในบริเวณเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น ลองตรวจสอบพื้นห้องและผนัง ว่ามีช่องโหว่ รอยร้าวใหญ่หรือแม้แต่ยาแนวกระเบื้องไว้แน่นหนาดีไหม เนื่องจากเสียงที่ดังจากนอกห้องอาจจะเล็ดลอดผ่านเข้ามาทางนี้ได้ ดังนั้นปิดช่องโหว่ทั้งหมดนี้แล้ว เสียงจากข้างห้องที่ดังรบกวนก็จะเบาลง เหลือแต่ความเงียบสงบภายในห้องเราเอง หากช่องว่างไม่มากก็อาจหาซีลแลนท์ซึ่งหาซื้อจากที่นี่มาทำเองได้ แต่อาจต้องเก็บสีด้วย

2. ปิดกั้นเสียงจากด้านล่างของประตู

ช่องโหว่ด้านล่างประตูเป็นจุดที่เสียงสามารถเล็ดลอดผ่านได้เช่นกัน ไม่ว่าเสียงจากข้างนอกหรือเสียงจากข้างในห้องของเราเอง ดังนั้นเพื่อป้องกันเสียงรบกวนควรปิดช่องโหว่ด้านล่างประตูทุกบาน หรือถ้าติดไว้อยู่แล้ว แต่ยังได้ยินเสียงจากด้านนอกอยู่ อาจจะต้องตรวจสอบแผ่นซีลเนื่องจากอาจไม่แนบสนิทก็เป็นได้

3. ติดตั้งแผ่นดูดซับเสียงกับวอลเปเปอร์

หากต้องการปิดกั้นเสียงจากภายนอก และไม่อยากให้เสียงภายในห้องหลุดออกไปให้ได้ผล แนะนำให้ติดตั้งแผ่นดูดซับเสียงไว้ที่ผนัง ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีให้เลือกหลายแบบ หลากจุดประสงค์การใช้งาน หรืออาจใช้คุณสมบัติที่เป็นจุดเด่นของวอลเปเปอร์อีกข้อคือเรื่องการเก็บเสียง วอลเปเปอร์สามารถกันเสียงจากภายนอก หรือป้องกันเสียงจากภายในออกจากห้องเราได้ ในปัจจุบันมีการพัฒนาคุณสมบัติของวอลเปเปอร์เพิ่มมากขึ้นจากแต่ก่อน ทำให้วอลเปเปอร์ในปัจจุบันมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดเชื้อรา ความชื้น กันเสียง และอื่น ๆ คราวนี้ภายในห้องก็จะเงียบสงบ เป็นส่วนตัวมากขึ้น และลดเสียงก้องในห้องลงได้เช่นกัน

4. ตั้งเตียงให้อยู่ห่างจากผนังจะดีกว่า

ตอนนี้ตำแหน่งเตียงของใครชิดติดกับผนังห้องที่แชร์ร่วมกับห้องอื่น ๆ ลองขยับเตียงให้ห่างจากผนังจะดีกว่า หรือจะปรับตำแหน่งเตียงมาวางติดผนังฝั่งที่ไม่ได้ติดกับห้องใครก็ได้ ก็จะลดเสียงที่ได้ยินที่แทรกเข้ามาจากผนังห้องและไม่มีเสียงเตียงกระแทกผนังไปยังห้องข้าง ๆ ด้วย

5. การตั้งตู้เสื้อผ้าให้ติดผนัง จะช่วยดูดซับเสียงได้

ใครที่มีตู้เสื้อผ้าที่ย้ายที่ตั้งได้ให้ลองใช้ประโยชน์จากตู้เสื้อผ้า นำไปใช้กันเสียงที่รบกวน โดยการวางให้ติดผนังด้านที่มีเสียงรบกวนเข้ามา โดยเฉพาะตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้ เพราะไม้จะสามารถดูดซับเสียงได้ดีพอควร

6. ติดชั้นลอยกับผนังเพื่อวางหนังสือเล่มหนา ๆ หรือใช้ของกั้นเสียง

การนำชั้นลอยมาติดผนังของด้านที่มีเสียงรบกวน และนำหนังสือหนา ๆ มาวาง โดยวางให้หนังสือชิดติดผนัง ทั้งหมดชิด ๆ กันเพื่อช่วยซับเสียงที่มาจากผนังไม่ให้มารบกวนคุณและหากพื้นที่ส่วนนั้นไม่ได้ใช้งานบ่อยแต่มีเสียง ก็ให้ทำเป็นที่เก็บของโดยวางของไว้ให้สูง ๆ และวางให้ติดผนังให้มากที่สุด และใช้ฉากกั้นห้องบังตาไว้เพื่อให้ห้องไม่ดูรก เพียงเท่านี้ก็สามารถกันเสียงที่รบกวนได้แล้ว และยังใช้เป็นที่เก็บของต่าง ๆ ได้อีกด้วย

7. จัดวางอุปกรณ์ส่งเสียงให้ห่างจากผนัง

สำหรับคอนโดที่ไม่เก็บเสียง คงจะดีกว่าหากจัดวางอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีเสียง อย่างโทรทัศน์ เครื่องเสียง หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ ให้อยู่ห่างจากผนังด้านที่ใช้ร่วมกันกับห้องอื่น ๆ วิธีนี้จะช่วยไม่ให้เสียงดังจากห้องเราไปรบกวนข้างห้องได้

8. ตกแต่งห้องด้วยผ้าเพื่อดูดซับเสียง

ผ้าเป็นวัสดุที่ดูดซับเสียงได้ดี ซึ่งถ้าอยากลดเสียงดังรบกวนจากห้องข้าง ๆ ให้คุณตกแต่งห้องด้วยผ้าให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแขวนผ้าม่านที่หน้าต่าง ติดแถบผ้าด้านล่างประตู หรือเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีวัสดุรูพรุน เช่น โซฟา หรือหุ้มเบาะเก้าอี้ด้วยผ้า ตกแต่งโต๊ะอาหารด้วยผ้า หรือถ้าปูพรมบนพื้นได้ด้วยก็ยิ่งดี แค่นี้เสียงที่เคยดังเข้ามารบกวนก็จะลดน้อยลง แต่หากใช้มากเกินไปก็ต้องระวังปัญหาเรื่องฝุ่นแทนครับ

ลองนำวิธีที่เราแนะนำไปใช้กันดูได้ครับ ไม่ว่าตอนนี้คุณจะเป็นฝ่ายทนกับเสียงที่ดังจากด้านนอก หรือบางครั้งก็เป็นฝ่ายทำเสียงดังรบกวนข้างห้องจนรู้สึกเกรงใจก็ตาม ช่วยลดปัญหากับห้องข้างเคียงด้วย